คิดแบบยิว รวยแบบยิว

   ชาวยิว "นักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด"

       หากไม่รู้จักชาวยิวก็เท่ากับไม่รู้จักโลก เพราะชาวยิวมีอิทธิพลต่อโลกเป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่มีผู้กล่าวว่า: ชาวยิวสามคนที่นั่งอยู่ด้วยกันสามารถตัดสินชะตากรรมของโลกได้

       มีคำกล่าวเกี่ยวกับความร่ำรวยของชาวยิวอยู่ประโยคหนึ่งว่า "เงินทั้งโลกอยู่ในกระเป๋าชาวอเมริกัน ส่วนเงินของชาวอเมริกันอยู่ในกระเป๋าของชาวยิว" ความสามารถที่โดดเด่นเช่นนี้ทำให้โลกต้องตกตะลึงและจับตามองด้วยความสนใจ

       พรสวรรค์ในการหาเงินของชาวยิวเป็นสิ่งที่คนทั้งโลกต้องยอมรับ ชาวยิวเป็นชนเผ่าที่เหมือนดังปริศนา พวกเขามีจำนวนคนไม่มากแต่สามารถควบคุมทรัพย์สินจำนวนมหาศาลไว้ในกำมือ พวกเขาถูกข่มเหงรังแกมานานนับพันปี ทั้งถูกดูหมิ่น ทั้งต้องใช่ชีวิตพเนจรร่อนเร่แต่กลับมีสมบัติมากมายจนน่าตกตะลึง ความสันโดษและพฤติกรรมที่ค่อนข้างลึกลับทำให้คนทั้งโลกไม่เข้าใจว่าเหตุผลใดชาวยิวที่ไม่มีต้นทุนใดๆ กลับสามารถยืนอยู่บนจุดสูงสุดของความมั่งคั่งและทรงอำนาจอิทธิพลมาได้จนถึงปัจจุบัน

       ในช่วง 1,000 ปีมานี้ ทรัพย์สินของชาวยิวเป็นประเด็นที่คนทั้งโลกต่างก็จับตามอง นักบวชในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกมองว่าชาวยิวเป็นปีศาจที่บูชาเงินทอง แต่เหล่าชนชั้นสูงกลับพยายามประจบเอาใจเศรษฐีชาวยิวเพื่อผลประโยชน์ กลุ่มคนที่ต่อต้านชาวยิวล้วนแต่ไม่พอใจในความมั่งมีของพวกเขา แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ ส่วนตัวชาวยิวเองก็มีความภาคภูมิใจในทรัพย์สินจำนวนมหาศาลที่ตนมี พวกเขาไม่เคยถ่ายทอดเคล็ดลับของความร่ำรวยให้คนนอกมาก่อน คนทั้งโลกจึงได้แต่รู้สึกงุนงงและริษยาในความมั่งคั่งของชาวยิว

       ผลการสำรวจประชากรชาวยิวในสหรัฐอเมริกาของสมาคมชาวยิว(Jewist Community Federation)บ่งชี้ให้ทราบว่า ในช่วงทศวรรษที่ 70 ประชากรในสหรัฐอเมริกามีรายได้เฉลี่ยครอบครัวละ 9,867 ดอลลาร์ ในขณะที่ครอบครัวของชาวยิวมีรายได้เฉลี่ยครอบครัวละ 12,630 ดอลลาร์ สูงกว่าชนชาติอื่นๆถึง 38%

      ในความเป็นจริงแล้ว ชาวยิวมีบทบาทสำคัญในสังคมชั้นสูงอย่างที่ไม่อาจมองข้ามได้ ในบรรดาครอบครัว 53,000,000 ครอบครัวในสหรัฐอเมริกา มี 13,000,000 ครอบครัวที่จัดเป็นครอบครัวชั้นกลาง แต่หากพิจารณาเฉพาะในส่วนของครอบครัวชาวยิวแล้วจะเห็นได้ว่า ในบรรดาครอบครัวชาวยิว 1,000,000 ครอบครัว มีเกือบ 9,000,000 ครอบครัวที่จัดเป็นครอบครัวชนชั้นกลาง ประชากรชาวยิวมีจำนวนเพียงเพียง 3% ของประชากรทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา แต่กลับมีครอบครัวชาวยิวมากถึง 43% ที่มีรายได้มากกว่า 16,000 ดอลลาร์ ในขณะที่มีเพียง 25% ของครอบครัวในสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่มีรายได้มากกว่า 15,000 ดอลลาร์

      ตัวเลขดังที่กล่าวมาข้างต้นนี้บ่งชี้ให้ทราบว่ารายได้โดยเฉลี่ยชองชาวยิวสูงกว่ารายได้ของชนชาติอื่นๆในสหรัฐอเมริกาเกือบหนึ่งเท่าตัว ด้วยเหตุนี้จึงมีชาวยิวจำนวนไม่น้อยที่ใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยเป็นที่น่าอิจฉาริษยาของผู้อื่น

      ชาวยิวมักจะถูกมองว่าเป็นชนเผ่าพ่อค้า แต่พวกเขาก็เป็นชนเผ่าที่เคารพกฎหมายด้วย ความหมายของคำว่า"กฎหมาย" ในทัศนคติชาวยิวแตกต่างจากชนชาติอื่นๆ นับแต่โบราณมา ชาวยิวเป็นชนชาติที่พเนจรร่อนเร่ไปทั่ว โครงสร้างชนเผ่าไม่มีความแน่นอนตายตัว ชาวยิวจึงไม่มีสายเลือดและภูมิลำเนาที่แน่นอน สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาสามารถดำรงคงอยู่มาได้จนถึงปัจจุบันก็คือกฎหมายของพระเจ้า ซึ่งความยึดมั่นในกฎของพระเจ้าของชาวยิวนั้นสามารถสะท้อนให้เห็นจากคัมภีร์ Talmud ได้อย่างชัดเจน

     มีนิทานเรื่องหนึ่งในคัมภีร์ Talmud ที่สมารถอธิบายประเด็นนี้ได้เป็นอย่างดี

     ชายคนหนึ่งถามเพื่อนของเขาว่า: "นายเรียนกฎหมายนี่ พอจะบอกฉันได้ไหมว่าอะไรคือกฎหมายของชาวยิว?"
    
     เพื่อนของเขาตอบว่า: "ฉันจะยกตัวอย่างให้นายฟังก็แล้วกัน แต่ให้ฉันถามคำถามนายก่อนได้มั๊ย? สมมติว่ามีชาวยิวสองคนตกลงไปในปล่องไฟขนาดใหญ่ คนหนึ่งเนื้อตัวสกปรกไปหมด ส่วนอีกคนหนึ่งสะอาด นายว่าใครจะไปอาบน้ำ?"

    "ก็ต้องคนที่ตัวสกปรกน่ะสิ!"

    "นายทายผิดแล้ว พอคนที่ตัวสกปรกเห็นคนที่ตัวสะอาด เขาก็ต้องคิดว่า ;ตัวฉันก็ต้องสะอาดเหมือนกันแน่ๆ; แต่พอคนที่ตัวสะอาดเห็นคนที่ตัวสกปรก เขาก็ต้องคิดว่าตัวเองสกปรกด้วยเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงรีบไปอาบน้ำ"

     "มีอย่างนี้ด้วยรึ!" ชายคนนั้นพึมพำ

     "คำถามที่สองนะ หากต่อมาพวกเขาตกลงไปในปล่องไฟอีก ใครจะไปอาบน้ำ?"เพื่อนของเขาถามอีก

     "ฉันรู้ล่ะ ก็ต้องคนที่ตัวสะอาดน่ะสิ!"

     "ไม่ใช่! นายทายผิดอีกแล้ว เพราะตอนที่คนที่ตัวสะอาดอาบน้ำ เขาพบว่าตัวเขาไม่ค่อยสกปรกเท่าไหร่ แต่คนที่ตัวสกปรกนั่นตรงกันข้าม เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมคนที่ตัวสะอาดต้องไปอาบน้ำ คราวนี้เขาก็เลยไปอาบบ้าง"

     "ฉันจะถามอีกข้อนะ หากทั้งสองคนตกลงไปในปล่องไฟอีกเป็นครั้งที่สามใครจะไปอาบน้ำ?"

     "ก็คนที่ตัวสกปรกน่ะสิ!"

     "ผิด! นายทายผิดอีกนั่นแหละ! นายเคยเห็นคนสองคนที่ตกลงมาจากปล่องไฟปล่องเดียวกันแล้วคนหนึ่งตัวสกปรก อีกคนหนึ่งตัวสะอาดมั๊ย?"

     
~ ภูมิปัญญาของชาวยิว ~
        เรียนรู้ด้วยใจจึงจะเกิดปัญญาอย่างแท้จริง ความมั่งคั่งนั้นเป็นสิ่งที่เราได้มาจากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับโอกาสและสภาพแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น